เนื่องจากสหรัฐอเมริกาขาดดุลการค้ากับจีนอย่างมาก เพื่อกดดันให้จีนหันมาซื้อสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้น และเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในของสหรัฐ
ช่วงแรกประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็ก 25% อะลูมิเนียม 10% จากฐานภาษีเดิมที่เรียกเก็บในอัตราต่ำ 0-1.5% ประเทศจีนก็ตอบโต้โดยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเช่นกัน ต่อมาประธานาธิบดีทรัมป์ก็ออกคำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีกหลายครั้งขยายวงไปถึงสินค้าเกือบทุกชนิด เพื่อลดการขาดดุลการค้ากับจีนไว้ ก่อให้เกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนยกแรก
เมื่อทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองตั้งแต่ต้นปี 2568 ก็ยังคงดำเนินนโยบาย America first อีก เริ่มโดยการออกคำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กจากประเทศเพื่อนบ้านคือ แคนาดาและเม็กซิโก 25% และสินค้าจากจีนอีก 10% และต่อมาออกประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นๆ เกือบทั่วโลก และออกคำสั่งขึ้นภาษีตอบโต้จีนอีกหลายครั้ง ก่อให้เกิดความปั่นป่วนในการค้าระหว่างประเทศเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจการค้าไปเกือบทั่วโลก
การออกคำสั่งขึ้นภาษีของทรัมป์มิได้เพียงก่อผลกระทบเสียหายต่อประเทศอื่นๆ เกือบทั่วโลก แต่ก็ได้ก่อให้เกิดผลกระทบเสียหายสร้างความปั่นป่วนต่อเศรษฐกิจการค้าของสหรัฐไม่น้อยกว่าประเทศอื่น และอาจมีผลกระทบเสียหายมากกว่าประเทศอื่นด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ประธานาธิบดีทรัมป์จึงออกคำสั่งพักรบสงครามการค้า ระงับใช้คำสั่งขึ้นภาษีเป็นการชั่วคราว 90 วัน ซึ่งน่าจะเพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและลดแรงกดดันจากผู้ประกอบการภายในของสหรัฐเอง และเพื่อให้ประเทศที่ถูกขึ้นภาษีเข้าไปขอเจรจาในลักษณะเข้าไปสวามิภักดิ์
กฎหมายที่ให้ประธานาธิบดีสหรัฐมีอำนาจออกคำสั่งฝ่ายบริหารขึ้นภาษีนำเข้า
การออกคำสั่งของประธานาธิบดีขึ้นภาษีนำเข้าต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ซึ่งมีอยู่หลายฉบับ ที่สำคัญคือ
1. Trade Expansion Act of 1962 เป็นกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อให้ประธานาธิบดีมีความคล่องตัวในการกำหนดนโยบายทางการค้าระหว่างประเทศ เพื่อขยายการส่งออก ลดการนำเข้า มาตราที่สำคัญคือมาตรา 232 ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่เกี่ยวกับขั้นตอนในการสอบสวนดำเนินการเมื่อมีกรณีสินค้าที่นำเข้าอาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของสหรัฐ และเสนอผลการพิจารณาต่อประธานาธิบดี เพื่อออกคำสั่งจำกัดการนำเข้าหรือขึ้นภาษีนำเข้าสินค้านั้นก็ได้
2. International Emergency Economic Power Act of 1974 เป็นกฎหมายให้อำนาจประธานาธิบดีสหรัฐประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ เมื่อเห็นว่าจะมีภัยคุกคามที่ผิดปกติหรือรุนแรงจากต่างประเทศที่คุกคามต่อความมั่นคง เศรษฐกิจหรือผลประโยชน์ของสหรัฐ เมื่อประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติแล้ว ประธานาธิบดีมีอำนาจสั่งหยุดการทำธุรกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามนั้นได้ เช่น ห้ามการโอนเงิน การลงทุน การส่งออกนำเข้า หรือยึดอายัดทรัพย์สินของคนต่างชาติหรือรัฐบาลต่างชาติในสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามได้
3. The Trade Act of 1974 เป็นกฎหมายที่ให้อำนาจรัฐบาลในการเจรจาการค้า กรอบของการเจรจา และให้อำนาจประธานาธิบดีในการกำหนดมาตรการปกป้องทางการค้าเพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมภายใน รวมทั้งกำหนดมาตรการตอบโต้ประเทศที่ทำการค้าไม่เป็นธรรม ซึ่งรวมถึงการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาด้วย
ที่มา : bangkokbiznews.com / คอลัมนิสต์ประจำคอลัมน์ "กฎหมายที่ให้อำนาจ ‘ทรัมป์’ ออกคำสั่งขึ้นภาษี"
สกล หาญสุทธิวารินทร์



